องค์ความรู้

 

บทที่ 1 สมบัติของจำนวนนับ




หน่วยการเรียนรู้ที่ 1  สมบัติของจำนวนนับ

1.เรื่อง  การหาตัวประกอบ

จำนวนนับใดๆ ที่หารจำนวนนับที่กำหนดให้ได้ลงตัว เรียกว่า ตัวประกอบของจำนวนนับนั้น

                    ดังนั้น ครูสรุปให้นักเรียนฟังอีกครั้งว่า จำนวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 18 คือ 1, 2, 3, 6, 9 และ 18

2.เรื่อง  จำนวนเฉพาะ

วิธีการตรวจสอบว่า จำนวนใดเป็นจำนวนเฉพาะ โดยเทียบจากการนำจำนวนเฉพาะมายกกำลังสอง ผลลัพธ์ต้องน้อยกว่าจำนวนที่กำหนดให้ ครูยกตัวอย่างให้นักเรียนดู ดังนี้

ตัวอย่างที่ 1      ตรวจสอบว่า จำนวน 211 เป็นจำนวนเฉพาะหรือไม่

ขั้นที่  1     พิจารณา  22   =   4

32   =   9

52   =   25

72   =   49

112   =   121

132   =   169

172   =   289

ขั้นที่  2     พิจารณาจำนวนเฉพาะ  2, 3, 5, 7, 11, 13  ว่านำมาหาร 211 ลงตัว                       หรือไม่ (ไม่นำ 17 มาพิจารณา เพราะ 172  =   289  มากกว่า  211)

                               จะได้ว่า  ไม่มีจำนวนเฉพาะใดหาร 211 ได้ลงตัว

ดังนั้น    211  เป็นจำนวนเฉพาะ

3.เรื่อง  การแยกตัวประกอบ

ตัวอย่าง   แยกตัวประกอบของ 150

ใช้การหาร       

)  150

)  75

)  25

       5

ดังนั้น   150  =  2 x 3 x 5 x 5

วิธีนี้นำจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดที่หารลงตัวมาเป็นตัวหารก่อน แล้วจึงนำ
จำนวนเฉพาะจำนวนถัดไปที่หารลงตัวมาหาร จนได้คำตอบสุดท้ายเป็น
จำนวนเฉพาะ

4.เรื่อง  การหา ห.ร.ม.

 

ตัวหารร่วมที่มากทีสุด (ห.ร.ม.)
ตัวหารร่วมที่มากที่สุดของจำนวนใดๆ ตั้งแต่ 2 จำนวนขึ้นไป หมายถึง จำนวนที่มีค่ามากที่สุดที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดเหล่านั้นได้ลงตัว

วิธีการหา ห.ร.ม.
1. โดยการแยกตัวประกอบ มีิวิธีการดังนี้
(1) แยกตัวประกอบของจำนวนทุกจำนวนที่ต้องการหาร ห.ร.ม.
(2) เลือกตัวประกอบที่ซ้ำกันของทุกจำนวนมาคูณกัน
(3) ห.ร.ม. คือ ผลคูณที่ได้

ตัวอย่าง จงหา ห.ร.ม. ของ 56 84 และ 140
วิธีทำ 56 =
84 =
104 =
เลือกตัวที่ซ้ำกัน ที่อยู่ทั้ง 56 84และ 104 ตัวทีซ้ำกันเอามาซ้ำละ 1 ตัว
คือ มีเลข 2 เลข 2 และ เลข 7

ดังนั้น ห.ร.ม. =

2. การหารสั้น มีวิธีการดังนี้
1) นำจำนวนทั้งหมดที่ต้องการหา ห.ร.ม. มาเขียนเรียงกัน
2) หาจำนวนเฉพาะที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัวมาหารไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่สามารถหาได้
3) นำตัวหารทุกตัวที่ใช้มาคูณกัน เป็นค่าของ ห.ร.ม.

ตัวอย่าง จงหา ห.ร.ม. ของ 56 84 และ 140
วิธีทำ 2) 56 84 104
2) 28 42 70
7) 14 21 35
2 3 5

ห.ร.ม. คือ 2 x 2 x 7 = 28

ประโยชน์ของ ห.ร.ม.
1. ใช้ทอนเศษส่วนให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำ
2. ใช้คำนวณการแบ่งสิ่งของที่มีจำนวนไม่เท่ากันออกเป็นส่วนๆ ที่เท่าักันโดยไม่ปะปนกันและให้เป็นจำนวนที่มากที่สุด

5.เรื่อง  การหา ค.ร.น.

ตัวคูณร่วมน้อยที่สุด (ค.ร.น.)
ตัวคูณร่วมน้อยที่สุดของจำนวนใดๆ ตั้งแต่ 2 จำนวนขึ้นไป หมายถึง จำนวนที่น้อยที่สุดที่จำนวนเหล่านั้นมาหารได้ลงตัว หรือจำนวนที่น้อยที่สุดที่มีจำนวนเหล่านั้นเป็นตัวประกอบ

วิธีการหา ค.ร.น.
1. โดยการแยกตัวประกอบ มีวิธีการดังนี้
1) แยกตัวประกอบของจำนวนทุกจำนวนที่ต้องการหา ค.ร.น.
2) เลือกตัวประกอบตัวที่ซ้ำกันมาเพียงตัวเดียว
3) เลือกตัวประกอบตัวที่ไม่ซ้ำกันมาทุกตัว
4) นำจำนวนทีี่่่เลือกมาจากข้อ 2และ 3มาคูณกันทั้งหมด เป็นค่าของ ค.ร.น.

ตัวอย่าง จงหา ค.ร.น. ของ 10, 24 และ 30
วิธีทำ 10 =
24 =
30 =

ค.ร.น. = 5 x 2 x 3 x 2 x 2 = 120

2. โดยการหารสั้น มีวิธีการดังนี้
1) นำจำนวนทั้งหมดที่ต้องการหา ค.ร.น. มาตั้งเรียงกัน
2) หาจำนวนเฉพาะที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัว หรือหารลงตัวอย่างน้อย 2 จำนวน จำนวนใดหารไม่ได้ให้ดึงลงมา
3) ให้ทำซ้ำข้อ 2 จนกว่าจะหารอีกไม่ได้
4) นำตัวหารทั้งหมดและผลลัพธ์สุดท้ายมาคูณกัน ผลคูณคือค่าของ ค.ร.น.

ตัวอย่าง จงหา ค.ร.น. ของ 10, 24 และ 30

วิธีทำ 2) 10 24 30
5) 5 12 15
3) 1 12 3
1 4 1

ค.ร.น. = 2 x 5 x 3 x 4 = 120

ประโยชน์ของ ค.ร.น.
1. ใช้ในการหาผลบวกและผลลบของเศษส่วน โดยทำส่วนให้เท่ากัน
2. ใช้ในการคำนวณงานบางอย่างที่ใช้เวลาต่างกัน และหาเวลาที่จะทำพร้อมกันในครั้งต่อไป

ความสัมพันธ์ระหว่าง ห.ร.ม. และ ค.ร.น.

  1. ถ้า a, b เป็นจำนวนเต็มบวก และ c เป็น ห.ร.ม. ของ a, b
  2. จะได้ว่า ค.ร.น. ของ a และ b เท่ากับ ab หรือท่องว่า ห.ร.ม. x ค.ร.น. = เลข 2 จำนวนนั้นคูณกัน
    ตัวอย่างจำนวนนับสองจำนวนมีผลคูณเท่ากับ 80 และมี ห.ร.ม.เท่ากับ 2 จงหา ค.ร.น.ของจำนวนทั้งสอง วิธีทำ ห.ร.ม. x ค.ร.น. =เลข 2 จำนวนคูณกัน 2 x ค.ร.น. = 80
  3. ค.ร.น = 40

ความคิดเห็น